ข้อมูลศัลกรรมดึงหน้าเพื่อเพิ่มการตัดสินใจก่อนการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า
การศัลยกรรมดึงหน้ามีจุดประสงค์เพื่อต้องการยกกระชับใบหน้าและลำคอเพื่อลดริ้วรอยตามวัยที่มากขึ้น เพราะเมื่ออายุมากขึ้นเรามักจะพบสิ่งที่สามารถเลี่ยงได้ คือ ความเสื่อมของอวัยวะส่วนต่างๆ ในร่างกาย รวมทั้งผิวหนังบนใบหน้าและลำคอ จะเริ่มริ้วรอยที่มาเยือนตามส่วนต่างๆ ของผิวหนังได้แก่ ร่องหน้าผากที่มีรอยย่นเห็นชัด คิ้วสองข้างที่หน่อยลงทำให้หนังตาย้อยมาผิดที่เปลือกตา และปัญหาบนใบหน้าอีกมากมาย การแก้ปัญหาเหล่านี้จำเป็นต้องพึ่งการศัลยกรรมดึงหน้า
ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้น ด้วยเทคนิคการศัลยกรรมดึงหน้าในปัจจุบันที่พัฒนาไปมาก รวดเร็วและมีความปลอดภัยสูง คนไข้ส่วนใหญ่จึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ และเมื่อตัดสินใจทำศัลยกรรมดึงหน้าจะต้องมีการปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจดูโครงสร้างของใบหน้า ลักษณะเนื้อ สี และความยืดหยุ่นของผิวหนัง รวมไปถึงการตรวจสุขภาพในกรณีที่ต้องผ่าตัดศัลกรรมดึงหน้าเพื่อดูปัจจัยเสี่ยงในการผ่าตัด เช่น โรคความดันสูง โอกาสเกิดแผลเป็น การแข็งตัวของเลือก ตลอดจนประวัติการสูบบุหรี่ และการทำความเข้าใจกับแพทย์ในเรื่องของการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าที่แพทย์จะสามารถทำการเปิดแผลได้ตั้งแต่บริเวณศรีษะ ขมับ หน้าหูอ้อมติ่งหูไปทางหลังหูจนถึงท้ายทอยซึ่งแผลจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับบริเวณที่ต้องการดึงหน้า
โดยการทำศัลยกรรมดึงหน้าจะมีอยู่ 2 อย่างคือ
1.ศัลยกรรมดึงหน้า บางส่วน (Mini Facelift) เช่นบริเวณแก้มที่ห้อยหรือเหี่ยวย่น
2.ศัลยกรรมดึงหน้า ทั้งหมด (Full Facelift) เช่นบริเวณหน้าผาก, แก้ม, คิ้ว และกระชับลำคอ
โดยผลของการทำศัลยกรรมดึงหน้าทั้ง 2 อย่างนี้มักจะคงอยู่ได้ประมาณ 5-10 ปี ซึ่งรอยแผลผ่าตัดในบริเวณด้านหน้า และหลังใบหูมักไม่เป็นที่สังเกต แต่เมื่อหลังจากทำศัลยกรรมดึงหน้าเสร็จแล้วเกิดอาการผิดปกติ เช่น อาการปวดบวมบริเวณใบหน้ามากขึ้น หรืออาการอื่นๆทีรู้สึกสงสัยว่าผิดปกติ ให้รีบกลับมาปรึกษาแพทย์โดยด่วน
ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างมากที่คุณควรเลือกศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ หากคุณต้องการสอบถามเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ www.teerapornclinic.com