การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดดึงหน้า
หลังจากที่รู้กันไปแล้วว่า ผ่าตัดดึงหน้าคืออะไร และมีราคาค่าบริการเท่าไหร่ ต่อไป สถาบันศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า ธีรพร จะพาไปดูวิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการทำศัลยกรรมดึงหน้ากัน เพื่อลดโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย และทำให้การทำศัลยกรรมเป็นไปอย่างปลอดภัยที่สุด
- 6 เดือน ก่อนการผ่าตัดดึงหน้า
ในช่วง 6 เดือนก่อนการผ่าตัดดึงหน้า จะแนะนำให้งดการฉีดโบทูลินัมท็อกซิน (Botulinum Toxin) และการฉีดสารเติมเต็มอย่างฟิลเลอร์ (Dermal Filler) ไปก่อน เพราะฤทธิ์ของสารเหล่านี้อาจส่งผลต่อกระบวนการรักษาได้ รวมไปถึงงดรับประทานยารักษาสิวที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ เพราะจะส่งผลต่อการหายของแผล
- 3 เดือน ก่อนการผ่าตัด
เมื่อเข้าสู่ช่วง 3 เดือนก่อนทำศัลยกรรมดึงหน้า ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดจะต้องเตรียมร่างกายของตัวเองให้พร้อม โดยจะต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ เข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี และถ้าหากมีโรคประจำตัวจะต้องรักษาและคุมอาการให้อยู่ในภาวะปกติด้วย
ในส่วนของหัตถการที่ไม่ควรทำในช่วง 3 เดือนก่อนผ่าตัด ก็คือการทำเลเซอร์ใบหน้าที่มีความร้อนลึก และการร้อยไหมบริเวณใบหน้า เพราะจะทำให้ผิวหน้ามีความอักเสบอยู่ เมื่อไปผ่าตัด ก็จะเพิ่มโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้
- 4 สัปดาห์ ก่อนการผ่าตัด
ในช่วง 4 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการทำศัลยกรรมดึงหน้า แนะนำให้งดการสูบบุหรี่ทั้งก่อนและหลังผ่าตัด เนื่องจากสารที่อยู่ในบุหรี่จะส่งผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้แผลหายช้า เพิ่มความเสี่ยงต่อระบบทางเดินหายใจในระหว่างผ่าตัด และเพิ่มโอกาสในการอักเสบและติดเชื้อได้ นอกจากนี้ ศัลยแพทย์ยังแนะนำให้งดการสัก หรือเจาะร่างกาย รวมไปถึงการอาบแดดด้วย
- 10 วัน ก่อนการผ่าตัด
ในช่วง 10 วันก่อนผ่าตัด ศัลยแพทย์จะแนะนำให้งดรับประทานยา วิตามิน หรืออาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงทำให้เลือดหยุดไหลช้าได้ เช่น
-
- ยาในกลุ่มละลายลิ่มเลือดต่าง ๆ เช่น Dabigatran, Apixaban หรือ Rivaroxaban
-
- ยาบรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น Aspirin, Naproxen, Etoricoxib หรือ Ibuprofen
-
- Fish oil
-
- Omega 3
-
- Co-enzyme Q10
-
- Evening Primrose Oil
การเตรียมตัวเพิ่มเติม
- การรับประทานอาหาร
ควรงดน้ำงดอาหารก่อนการผ่าตัดศัลยกรรมอย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมง - การดูแลตัวเอง
ควรสระผมโดยไม่ใช้ครีมนวดผมและทำความสะอาดร่างกายให้เรียบร้อย ก่อนวันนัดทำศัลยกรรมดึงหน้า ที่สำคัญควรงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ด้วย - การรับประทานยาและอาหารเสริม
ควรงดการรับประทานยาและอาหารเสริม เช่น ยากลุ่มยาแก้ปวด คอลลาเจน วิตามิน และยาสมุนไพรต่าง ๆ ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ในกรณีผู้ที่ทานยาที่ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด ควรปรึกษาแพทย์ผู้รักษาหรือจ่ายยาก่อน ส่วนผู้ที่ทานยารักษาความดันและเบาหวาน ยังสามารถรับประทานยาได้ตามปกติ - โรคประจำตัว
ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดัน เบาหวาน ไทรอยด์ สามารถทำผ่าตัดศัลยกรรมได้ แต่จำเป็นต้องควบคุมโรคให้อยู่ในภาวะปกติ ไม่กำเริบให้ได้ และที่สำคัญไม่ควรทำการผ่าตัดในช่วงที่เจ็บป่วย หรือมีการติดเชื้อบริเวณผิวหนังที่จะทำการผ่าตัด ส่วนผู้ที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด จะไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดดึงหน้าได้ เพราะถือเป็นโรคต้องห้าม
สรุป
จะเห็นได้ว่า การทำศัลยกรรมดึงหน้าเป็นวิธีที่ช่วยแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ และริ้วรอยร่องลึกได้อย่างเห็นผล ใครที่มีปัญหาผิวเหล่านี้อยู่ แล้วรู้สึกกังวล ไม่มั่นใจ อยากที่จะดูแลผิวให้กลับมาอ่อนเยาว์อีกครั้ง ก็ไม่ควรที่จะมองข้ามการทำศัลยกรรมนี้เลย สำหรับใครต้องการผ่าตัดดึงหน้า สามารถเข้ามาปรึกษาคุณหมอที่สถาบันศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า ธีรพรได้เลย ไม่มีค่าใช้จ่าย โดยเราให้บริการศัลยกรรมดึงหน้าด้วยเทคนิค Face-Lock แผลเล็ก ซึ่งเป็นเทคนิคการผ่าตัดดึงหน้าที่คิดค้นโดย อาจารย์หมอชลธิศ ผ่านการวิจัยมานานกว่า 30 ปี
เป็นการผ่าตัดซ่อนรอยแผลที่พัฒนาให้เหมาะกับผิวหน้าคนไทยและคนเอเชียโดยเฉพาะ ผลลัพธ์คงทนด้วยเทคนิค Lock มีเฉพาะที่ ธีรพร เท่านั้น ข้อดีคือ จะแตกต่างจากการทำศัลยกรรมดึงหน้าทั่วไปตรงที่มีแผลเล็ก ทำให้ลดระยะเวลาพักฟื้น หลังทำเสร็จแล้วสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ นอกจากนี้เรายังเย็บด้วยเทคนิคเฉพาะของธีรพรที่ Lock ถึงเนื้อเยื่อชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ทำให้ผลลัพธ์อยู่นาน 5-10 ปีขึ้นไป รับรองว่าคุณจะต้องพึงพอใจในผลลัพธ์อย่างแน่นอน!
เนื้อหาโดย
ผศ.นพ. ชลธิศ สินรัชตานันท์ (หมอชล)
- ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอสเตติก คอนเนค (TRP)
- นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งอาเซียน
- อดีตนายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย
- เจ้าของธีรพร