ข้อเสียของการดึงหน้า
เดิมทีเทคนิคในการผ่าตัดดึงหน้า คือ ดึงหน้าแบบแผลยาว (Facelift) เป็นการผ่าตัดศัลยกรรมแบบดั้งเดิม ออกแบบมาสำหรับชาวตะวันตก โดยแพทย์จะเปิดแผลบริเวณเหนือหู บริเวณขมับ ลากผ่านผิวหนังหลังแนวผม ลงมาที่หน้าใบหู ขอบหูด้านหน้า ลงไปที่ติ่งหู อ้อมไปทางด้านหลัง และตัดเข้าไปในแนวเส้นผมอีกที
ทำให้แผลผ่าตัดส่วนใหญ่ จะถูกซ่อนเอาไว้ตามแนวเส้นผม และต้องทำทั้งใบหน้า มีข้อเสียคือไม่เหมาะกับผิวคนเอเชีย และอาจจะมีผลข้างเคยงคือ ผมหาย ไรผมหาย มีรอยแผลเป็น ติ่งหูหาย และต้องใช้ยาสลบ ซึ่งวิธีนี้มีผลเสียดังต่อไปนี้
- การดึงแบบ FACE LIFT แบบดั้งเดิม (Traditional facelift)
ข้อเสีย ของการดึงหน้า FACE LIFT
- เจ็บปวดมากกว่าเทคนิค FACE LOCK
- ต้องนอนโรงพยาบาล เนื่องจากว่าต้องใช้ยาสลบในการผ่าตัด
- ใช้เวลาในการผ่าตัดค่อนข้างนาน ใช้เวลาประมาณ 5-7 ชม.
- มีอาการบวม และเจ็บปวดมากกว่าปกติ
FACE LOCK - ดึงหน้าแผลเล็ก
เป็นเทคนิคการผ่าตัด หรือที่เรียกกันว่า “การผ่าตัดแบบแผลเล็ก” เป็นนวัตกรรมการดึงที่
- เจ็บปวดน้อย
- แผลดูเป็นธรรมชาติ เป็นเส้นเล็กๆ
- เหมาะกับผิวหนังคนไทย และคนเอเชีย
- มีเทคนิคการเย็บล็กที่คงทน
- มีแผลแล็ก ช่วยลดระยะเวลาพักฟื้น
- ใช้แค่ยาชา
- กลับไปใช้ชีวิตปกติหลังผ่าตัดได้เร็วกว่าปกติ
- ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
- สามารถทำเป็นส่วนๆ ได้
- เย็บ Lock ลึกถึงเนื้อเยื่อชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System)
- ผลลัพท์อยู่นาน 5-10 ปีขึ้นไป
ความแตกต่าง
ข้อแตกต่างระหว่าง FACE LIFT กับ FACE LOCK
แตกต่างกันอย่างไร คลิกอ่านเพิ่มเติมด้านล่างได้เลย
คลิกอ่านต่อรีวิว
สรุป
การดึงหน้าแบบดั้งเดิมมีข้อเสียหลายประการที่ไม่เหมาะกับผิวคนเอเชีย แต่เทคนิค Face-Lock ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่เสนอวิธีการที่เจ็บปวดน้อยกว่า มีแผลเล็ก และเหมาะสมกับผู้ที่ต้องการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยยังคงให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานและเป็นธรรมชาติ