หนึ่งในเทคนิคการทำจมูก ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ การเสริมแบบโอเพ่น เทคนิคการศัลยกรรมจมูก ที่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างครอบคลุม ทำให้ได้รูปทรงจมูก ที่สวยตรงความต้องการมากที่สุด จะน่าสนใจแค่ไหน ไปดูกันเลย!
เสริมจมูกแบบโอเพ่น คืออะไร?
การเสริมจมูกแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty) คือ การทำจมูกแบบเปิด หรือเรียกกันทั่วไปว่า “ทำจมูกแบบโอเพ่น” คือ การผ่าตัดเสริมจมูก โดยการเปิดแผลที่บริเวณใต้ฐานจมูก กรีดผ่าเป็นแนวดิ่งจนเห็นแกนจมูก และดึงเปิดขึ้น เพื่อแยกผิวหนังออกจากโครงสร้างของจมูก ซึ่งจะช่วยให้แพทย์เห็นโครงสร้างของจมูกได้ทั้งหมด ทำให้สามารถวิเคราะห์ปัญหา และทำการแก้ไข ตกแต่งทรงจมูกใหม่ได้อย่างแม่นยำ
โอเพ่น VS เซมิ โอเพ่น แตกต่างกันอย่างไร
หลักๆคือ แตกต่างกันที่การเปิดแผลผ่าตัด
Open Rhino
- เปิดแผลใต้ฐานจมูก แล้วดึงเปิดขึ้น
- แพทย์เห็นโครงสร้างจมูกทั้งหมด
- แก้ไขปัญหาจมูกได้ทั้งหมด
- ตัดแต่งจมูกเดิมที่คดเบี้ยวได้
- ตะไบฮัมพ์ได้
- เสริมจมูกด้วยซิลิโคนได้
- รองปลายจมูกด้วยเยื่อกระดูกอ่อนได้
Semi Open Rhino
- เปิดแผลบริเวณเฉพาะ
- คือ รูจมูกซ้าย และรูจมูกขวาเท่านั้น
- หมาะสำหรับผู้ที่มีทรงจมูกดีอยู่แล้ว
- แค่ต้องการเสริมความโด่ง ด้วยซิลิโคนเท่านั้น
ข้อดี - ข้อเสีย
ข้อดี
- มองเห็นโครงสร้างจมูกได้ทั้งหมด
- ปรับแก้โครงสร้างของจมูกเดิม
- แก้กระดูกจมูกคดเบี้ยวผิดรูป เช่น ตะไบฮัมพ์ (สันจมูกปูด)
- เสริมจมูกด้วยซิลิโคนได้
- รองปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อของคนไข้ได้
- ลดความเสี่ยงซิลิโคนเสริมจมูกทะลุ
- เย็บอินเตอร์โดม เพื่อให้ปลายจมูกพุ่งเรียวสวยขึ้น ได้ในคราวเดียว
ข้อเสีย
- ทำให้เกิดรอยแผลเป็น บริเวณปลายจมูก
- ใช้เวลาในการดูแลตัวเองนานพอสมควร
- เป็นการผ่าตัดใหญ่ ต้องวางยาสลบก่อน
- หลังผ่าตัดอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือเวียนหัว
- ใช้ระยะเวลาฟื้นตัวช้ากว่าการเสริมจมูกแบบปิด
- ในบางรายอาจรู้สึกปวดบวมแดงนานกว่า 7 วันด้วย
เหมาะกับใคร
เนื่องจากการเสริมจมูกแบบโอเพ่น จะเปิดให้เห็นโครงสร้างภายในจมูกได้ชัดเจน จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการทำดังนี้
- ผู้ที่จมูกสั้น หรือปลายจมูกเชิดขึ้น
บางคนอาจจะเรียกว่า “จมูกหมู” โดยปกติแล้วคนที่จมูกสั้นแบบนี้ หากเสริมจมูกแบบปิด ซิลิโคนจะมีโอกาสทะลุได้ง่าย จึงเหมาะกับการทำจมูกแบบโอเพ่นมากกว่า เพราะจะได้แก้ไขปลายจมูกให้กลมมนมากขึ้น ดูเรียวยาวขึ้น หรือเอากระดูกอ่อน หรือเนื้อเยื่อเทียมมารองปลายจมูก เพื่อให้ได้ทรงจมูกที่สวยขึ้น และลดโอกาสการทะลุได้
- ผู้ที่เสริมจมูกมาแล้วซิลิโคนกำลังจะทะลุ
ในระยะนี้ ปลายจมูกมักจะบางมาก ๆ การแก้จมูกแบบโอเพ่น จะช่วยให้แพทย์สามารถรักษาเนื้อปลายจมูกเอาไว้ได้ โดยเวลาแก้จมูกใหม่ แพทย์จะรองปลายซิลิโคนด้วยเนื้อเยื่อของผู้เข้ารับบริการ เช่น กระดูกอ่อนหลังหู หรือกระดูกอ่อนซี่โครง หรือรองปลายซิลิโคนด้วยเนื้อเยื่อเทียม เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดซิลิโคนทะลุในอนาคต
- ผู้ที่แก้จมูกบ่อยครั้ง
เพราะการแก้จมูกบ่อย ๆ จะทำให้เกิดพังผืดสะสม หากต้องการเสริมจมูกใหม่ก็จำเป็นที่จะต้องขูดพังผืดออกให้หมดก่อน แล้วค่อยแก้ไขทรงจมูก หรือเสริมซิลิโคนเข้าไปใหม่นั่นเอง
- ผู้ที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาทรงจมูกด้วยการเสริมจมูกแบบปิด หรือแบบเซมิโอเพ่นได้
เช่น ผู้ที่มีปัญหาฐานจมูกเอียงแต่กำเนิด หรือฐานจมูกเอียงจากอุบัติเหตุ มีฮัมพ์สูง ฮัมพ์ขนาดใหญ่ ปลายจมูกงุ้ม ปลายจมูกใหญ่ หรือมีปัญหารูจมูกผิดรูป เป็นต้น
หายใจไม่ออก ทำอย่างไรดี
เป็นเรื่องปกติที่หลังทำจมูกแบบโอเพ่นแล้ว จะรู้สึกหายใจไม่ออก หายใจไม่ค่อยสะดวก เพราะเยื่อบุด้านในจมูกมีอาการบวม และอาจมีน้ำมูกได้ โดยอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นเองภายใน 2 – 3 วัน แต่ถ้าหากอาการไม่ดีขึ้น หรืออาการแย่ลง ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
Reviews
สรุป
จะเห็นได้ว่าการเสริมจมูกแบบโอเพ่น เป็นเทคนิคการเสริมจมูกที่ ตอบโจทย์สำหรับทุกคน เพราะสามารถปรับแก้ทรงจมูกได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น จมูกสั้น จมูกหมู จมูกคดเบี้ยว หรือต้องการแก้ไขจมูกที่เคยเสริมมาก่อน นอกจากนี้ยังสามารถเสริมให้ ปลายจมูกพุ่งโด่ง เป็นทรงหยดน้ำได้ง่าย และไม่เสี่ยงต่อซิลิโคนจมูกทะลุด้วย สำหรับท่านใดที่สนใจทำจมูกสวยธรรมชาติ สามารถเข้ามาปรึกษาทีมแพทย์ของเราได้ฟรี
เนื้อหาโดย
Dr. Aom
พญ.ปิยรัตน์ พูตระกูล ว.36825
- แพทยศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยมหิดล
- โสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ รามาธิบดี
- Facial Plastic and Reconstructive Surgery
- ศัลยแพทย์ชำนาญการ 16 ปี